วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กับการบิดเบือนซ้ำซากของคนเสื้อแดง

หลังจากศาลมีคำวินิจฉัยออกมา  เสื้อแดงในบอร์ดนี้  และหลายๆที่ๆพวกเขาไปสิงถิตย์อยู่ก็พูดถึง 2 มาตรฐานขึ้นมาทันที  และเท่าที่สังเกตุ  ข้อมูลที่เขานำมาอ้างก็มักมาจากแหล่งเดียวกัน  นั่นก็คือ  ตารางเปรียบเทียบการยุบพรรคของ  มติแดง  เอ๊ย  มติชนนั่นเอง


พวกเขาพยายามชี้ให้เห็นว่า กรณียุบพรรคในอดีตนั้น มีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยภายหลัง 15 วันทั้งหมด แต่กลับไม่รอดเหมือนกับ ปชป  โดยที่ไม่มีใครคิดจะค้นหาข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง  บางคนถึงกับเก็บขี้ปากต่างชาติมาโชว์รอยหยักในสมองน้อยๆของตัวเองเลยทีเดียว 
เสื้อแดงทำอาการโดดเข้างับรายงานจาก มติแดง เอ๊ย  มติชน คนกันเองอย่างหน้ามืดตามัว  แต่ในฐานะคนที่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมว่าไม่มี 2 มาตรฐานแน่นอน  จึงได้ค้นหาความจริงจากมาตราต่างๆในรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง  และก็ได้คำตอบที่ตอกย้ำความมั่นใจดังนี้

เมื่อลองไปดู
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 รวมถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ( ตุลาการรัฐธรรมนูญ) เราจะพบความจริงดังนี้
คำวินิจฉัยที่ผ่านมา  พรรคการเมืองที่ถูกยุบ ต่างทำความผิดตามมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550  มาตรา 94 และ 95 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550

เมื่อไปดูในมาตรา 94 และ 95 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ บัญญัติไว้ว่า
มาตรา 94 เมื่อพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง

( 1 ) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือกระทำการตามที่รัฐธรรมนูญให้ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจโดยวิธีการดังกล่าว

(2 ) กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา หรือระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

(3 ) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ

(4) กระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร หรือขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

มาตรา 95  เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียน หรือเมื่อนายทะเบียนได้รับแจ้งจากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและได้ตรวจ สอบแล้วเห็นว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 94 ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งแจ้งต่ออัยการสูงสุด พร้อมด้วยหลักฐาน เมื่ออัยการสูงสุดได้รับแจ้งให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ถ้าอัยการสูงสุดเห็นสมควร ก็ให้ยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าว ถ้าอัยการสูงสุดไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นายทะเบียนตั้งคณะทำงาน ขึ้นคณะหนึ่งโดยมีผู้แทนจากนายทะเบียนและผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วส่งให้อัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ในกรณีที่คณะทำงานดังกล่าวไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการยื่นคำร้อง ได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่แต่งตั้งคณะทำงาน ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจยื่นคำร้องเอง

ไม่มีการระบุกำหนดเวลาที่นายทะเบียนพรรคการเมืองส่งเรื่องต่อให้อัยการสูงสุดดำเนินการต่อไป (มีแต่เพียงการกำหนดเวลาให้อัยการสูงสุดดำเนินการให้เสร็จ

ส่วนกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้เป็นความผิดตามมาตรา 82 ประกอบมาตรา 42 เป็นเหตุให้ยุบพรรคตามมาตรา 93 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550
มาตรา 82 บัญญัติไว้ว่า

พรรคการเมืองที่ได้รับเงินสนับสนุนต้องใช้จ่ายเงินสนับสนุนให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในส่วนนี้ และส่วนที่ การใช้จ่ายของพรรคการเมือง และจะต้องจัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนของพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทิน ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง และยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป และให้นำความในมาตรา 42 วรรค  2  มาใช้บังคับโดยอนุโลม

(มาตรา 42 วรรค 2) เมื่อครบระยะเวลาการรายงานตามวรรค1แล้ว หากพรรคการเมืองใดยังไม่ได้รายงานให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้หัวหน้าพรรค การเมืองรายงานภายในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าพ้นกำหนดระยะเวลาแล้วยังมิได้รายงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการเพื่อให้มี การยุบพรรคการเมืองนั้น
ส่วนมาตรา 93 บัญญัติไว้ว่า

ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีเหตุต้องเลิกตามข้อบังคับพรรคการเมืองแต่พรรคการเมืองนั้นยังมีสมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ หรือในกรณีที่พรรคการเมืองใดไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 42  วรรค 2 หรือมาตรา 82 ให้ยุบพรรคการเมืองนั้น

เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดมีเหตุตามวรรคหนึ่ง
ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15วันนับแต่วันที่ความปรากฏต่อนายทะเบียน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองตามคำร้องของนายทะเบียน ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น
สังเกตว่า  มีการระบุระยะเวลาที่นายทะเบียนพรรคการเมือง จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ คือต้องส่งใน 15 วัน หลังจากความปรากฏ
และนี่เอง ที่เป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกมาว่า
พ้นระยะเวลาในการยื่นคำร้อง และทำให้พรรคประชาธิปัตย์รอดในคดียุบพรรคครั้งนี้

เห็นกันชัดๆขนาดนี้  หวังว่าเสื้อแดงที่กำลังฟูมฟายเรื่อง 2 มาตรฐานจะหยุดโชว์รอยหยักในสมองอันน้อยนิด  แล้วเลิกเชื่อขี้ปากคนอื่นง่ายๆได้แล้วค่ะ   ***โปรดใช้หัวคิดให้มาก  อย่าดีแต่ใช้ปากพ่นขยะสู่สังคมนะคะ   

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ย้อนรอยคดียุบพรรคไทยรักไทย พิสูจน์คำว่า 2 มาตรฐาน

คำร้องให้ยุบพรรคไทยรักไทย ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องว่า

พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล
รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ร่วมกันให้เงินสนับสนุนแก่พรรคพัฒนาชาติไทยและพรรคแผ่นดินไทย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ลงแข่งขันกับผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทยเพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะต้องมีคะแนนเสียงถึงร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้นและ
ร่วมกันสนับสนุนให้มีการตัดต่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลการเป็นสมาชิกของพรรคพัฒนาชาติไทย ที่เป็นสมาชิกไม่ครบ 90 วัน ให้ครบ 90 วัน อันเป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนให้มีการปลอมเอกสาร เป็นการกระทำให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และเป็นการกระทำอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือขัดต่อกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ตามมาตรา 66 (1) และ (3) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541

โดยระหว่างวันที่ 4 ถึงวันที่ 9 มีนาคม 2549 พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต และ พล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ นายทหารคนสนิทของพล.อ.ธรรมรักษ์ ได้มอบเงินรวม 3,675,000 บาท แก่นางฐัติมา ภาวะลี ผู้ประสานงานพรรคแผ่นดินไทย เป็นค่าใช้จ่าย ในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตลงแข่งขันกับผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย

วันที่ 3 มีนาคม 2549 พล.อ.ธรรมรักษ์ และนายพงษ์ศักดิ์ได้ร่วมกับนายทวี สุวรรณพัฒน์ นายยุทธพงศ์หรือนายพงษ์ศรี ศิวาโมกข์และนายธีรชัยหรือต้อย จุลพัฒน์ มอบเงินจำนวน 50,000 บาท ให้ นาย ชก. โตสวัสดิ์ ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อนำไปให้นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย ไปใช้จ่ายในการนำสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยลงสมัครรับเลือกตั้ง 
วันที่ 6 และวันที่ 8 มีนาคม 2549 นายทวีได้นำเงินไปให้นาย ชก. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคพัฒนาชาติไทยรวม 1,190,000 บาท
การกระทำของ พล.อ.ธรรมรักษ์ และนายพงษ์ศักดิ์ เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของพรรคไทยรักไทย
ขอให้ มีคำสั่งยุบพรรคไทยรักไทย และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยมีกำหนด 5 ปี นับตั้งแต่มีคำสั่งให้ยุบพรรคไทยรักไทย ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 27 ลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 ข้อ 3

สรุปคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ
กรณีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคไทยรักไทย คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้อง คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกร้อง และพยานหลักฐานทั้งหมด ของคู่กรณีโดยละเอียด ได้มี คำวินิจฉัย ในข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายโดยมีรายละเอียดสรุปดังนี้


1.คณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 มาตรา 35

2.การยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคเป็นอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมือง

3.การสืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมือง ไม่จำต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 มาตรา 19 วรรคสองและวรรคสาม เป็นการดำเนินการตามคำสั่งของนายทะเบียนพรรคการเมือง มิใช่การดำเนินการตามคำสั่งของ กกต. จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งระเบียบ กกต. ข้อ 40

4.พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มีศักดิ์และสถานะทางกฎหมายเท่ากับพระราชบัญญัติทั่วไป การยกเลิกหรือการทำให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญสิ้นผลบังคับจึงต้องมีกฎหมายยกเลิกหรือมีกฎหมายใหม่ออกมาใช้บังคับแทน

5.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มาตรา 328 ให้อำนาจองค์กรนิติบัญญัติตรากฎหมายที่มีผลเป็นการยกเลิกหรือยุบพรรคการเมืองได้ มิได้มีความหมายเลยไปถึงว่าองค์กรนิติบัญญัติจะตรากฎหมายลงโทษพรรคการเมือง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 66 (2) (3) และ (4) ไม่ได้ จึงไม่ใช่บทบัญญัติที่เกินความจำเป็นและกระทบกระเทือนต่อสาระสำคัญแห่งเสรีภาพของบุคคล



6.เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้พรรคการเมืองเลิกกระทำการเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 แล้ว ย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจสั่งยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 63 วรรคสาม ได้ทันที

7.การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 ซึ่งถูกยกเลิกไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองดังกล่าวนั้น หามีผลเป็นการยกเลิกความผิดที่ได้กระทำไปแล้วไม่

8.ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า พรรคไทยรักไทย ว่าจ้างพรรคพัฒนาชาติไทยและพรรคแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทยและพรรคแผ่นดินไทยจัดหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเพื่อช่วยเหลือพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทยร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. แก้ไขข้อมูลสมาชิกพรรค เพื่อให้ครบ 90 วัน โดยมีพรรคไทยรักไทยเป็นผู้สนับสนุน และพรรคพัฒนาชาติไทยกับพรรคแผ่นดินไทย ออกหนังสือรับรองสมาชิกพรรคของตนอันเป็นเท็จ

9.พลเอก ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เป็นกรรมการบริหารพรรคคนสำคัญของพรรคไทยรักไทย ดำเนินการเพื่อให้พรรคไทยรักไทยสามารถกลับคืนสู่อำนาจได้โดยเร็ว การกระทำมีผลผูกพันพรรคไทยรักไทย

10.การกระทำของพรรคไทยรักไทย เข้าหลักเกณฑ์ที่ถือได้ว่าเป็นการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือขัดต่อกฎหมาย

11.การกระทำของพรรคไทยรักไทยเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือขัดต่อกฎหมายหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

12.ประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 ใช้บังคับกับเหตุยุบพรรคตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 66 (1) (2) และ (3) เพราะความในมาตรา 66 (1) (2) และ (3) มีความหมายชัดเจนว่าเป็นบทบัญญัติที่ห้ามกระทำการอยู่ในตัว

13.ประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549 ที่ให้การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมิใช่โทษทางอาญา

14.การที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองซึ่งดำรงตำแหน่งในขณะเกิดเหตุลาออกจากตำแหน่งก่อนวันมีคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ลบล้างผลของการกระทำที่พรรคการเมืองได้

คณะตุลาการจึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคไทยรักไทย ถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน  มีกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง

ที่มา

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2549#cite_note-1

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ยุบ ปชป คือการล้มคว่ำของกระบวนการยุติธรรมไทย



มาตรา 95 ว่าไว้ว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองต้องทำความเห็นมาก่อน หากนายทะเบียนเห็นควรยุบพรรคประชาธิปัตย์ จึงจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ กกต. เพื่อให้ความเห็นชอบ แต่หากนายทะเบียนมีความเห็นว่าไม่ควรยุบพรรค เรื่องเป็นอันยุติ  (ซึ่งนายสุชาติเคยทำความเห็นว่าไม่ควรมาก่อน )

มาดูกันเกี่ยวกับเรื่อง พรบ. พรรคการเมืองอีกเล็กน้อยนะคะ

1.ประเด็นเงินสนับสนุนต้องเป็นไปตาม ม.62

2.ประเด็นเงื่อนไขพิจาณายุบพรรคต้องเป็นไปตาม ม. 64

ม.94 ระบุไว้ว่า  การกระทำของพรรคการเมืองที่อาจจะถูกยุบพรรคไว้ว่า ต้องเข้าหลัก 5 ข้อ ตาม ม.21 (1) ม.43 ม.65 ม.66 ม.69 และ ม.104

กรณีของพรรค ปชป ไม่เข้าเกณฑ์ตามข้อ 1-4 

เรามาดูตามข้อ 5 แต่ละมาตรากันดีกว่านะคะ

ม. 21 วรรค 1 เรื่องรับบุคคลมิใช่สัญชาติไทย ไม่เข้าข่าย

ม. 43 เรื่องสนับสนุนผู้ลงเลือกตั้ง สว ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่เข้าข่าย

ม. 65 เรื่องรับเงินบริจาคมิชอบ ไม่เข้าข่าย     

ม. 66 เรื่องรับเงินบริจาคจากผู้ก่อการร้าย ไม่เข้าข่าย

ม. 69 เรื่องรับเงินบริจาดจากบุคคลและนิติบุลคลต้องห้าม ไม่เข้าข่าย

ม. 104 เรื่องสนับสนุนหรือกลั่นแกล้งพรรคการเมืองอื่น ไม่เข้าข่าย

คำแถลงปิดคดีของ กกต ที่ออกมาเป็นความเห็นของ กกต ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการพิจารณาของ ศาล

นายทะเบียนเปรียบไปก็เหมือนเป็นผู้ชี้เป้า  ศาลเป็นผู้พิจารณาตัดสิน  ทั้ง 2 ส่วนจึงไม่จำเป็นต้องเห็นตรงกัน

อนึ่ง ศาลท่านต้องพิจารณาตามกฏหมายตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในการยุบพรรคว่าเข้าเงื่อนไขหรือไม่ ส่วนตัวมั่นใจว่า ไม่ยุบ เพราะไม่เข้าข่ายเงื่อนไขตามที่ระบุ

และหากศาลพิจารณาออกมาว่าไม่ยุบตามที่ผู้เขียนเชื่อ จึงไม่ใช่ศาล 2 มาตรฐานอย่างที่เสื้อแดงพยายามจุดประเด็นแต่อย่างใด













วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ทักษิณปราบยาเสพติดโคตรเก่ง ความดักดานเต็มสูบของเสื้อแดง

           

เห็นเสื้อแดงเขาชื่นชม  โหยหากันเหลือเกิน  ทักษิณปราบยาเสพติดเก่งโคตรๆ  พระเอกตัวจริง  ซุปเปอร์แมนหลบไปประมาณนั้น  เลยอดไม่ได้  ลองไปหาข้อมูลดูแล้วก็เจอค่ะ

เป็นผลงานการรวมรวมข้อมูลขององค์กรสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ  และเครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ  เขาบอกแบบนี้ค่ะ (ของแท้ต้องคนเหนือทำนะคะ ถ้าภาคใต้ทำเดี๋ยวหาเป็นพวกเดียวกันอีก  เอาพวกแม้วทำเองเลย   q*013 q*013 )

การทำสงครามยาเสพติดจะทำให้กลุ่มชนเผ่าและชาติพันธุ์กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการปราบปราม โดยรัฐมีกระบวนการจัดทำบัญชีดำโดยไม่มีการตรวจสอบ
ทำให้กลุ่มชนเผ่าและชาติพันธุ์จำนวนหนึ่งถูกฆ่าตาย ถูกยึดทรัพย์สินเพียงแค่สงสัยว่ามีรถยนต์และพกเงินสดจำนวนหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าใครคือผู้กระทำความผิด หรือรู้ก็ไม่กล้าต่อสู้ เนื่องจากกลุ่มชนเผ่าและชาติพันธุ์เป็นกลุ่มคนชายขอบ เป็นกลุ่มชนที่ถูกตราหน้าว่าสร้างปัญหาด้านความมั่นคงต่อประเทศชาติ และกลุ่มคนค้ายาเสพติด จึงทำให้ไม่มีและถูกทำลายความชอบธรรมในการเรียกร้อง และไม่มีสิทธิต่อรองนโยบายประกาศสงครามยาเสพติดของรัฐบาล จึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มชนเผ่าและชาติพันธุ์ ดังปรากฏตัวอย่าง เช่น

2.1 กรณีถูกฆ่าตัดตอนหมู่ 6 ศพ ที่หมู่บ้านผาลั้ง ตำบลห้วยชมพู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2546 ซึ่งจำนวน 5 ใน 6 คน ไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำ             

2.2 กรณีฆ่าชายเผ่าม้งต่อหน้าภรรยา ที่หมู่บ้านพุย ตำบลปางหินฝน อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งที่ชายชาวม้งคนนี้ได้รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว แต่กลับถูกฆ่าตายระหว่างเดินทางกลับจากรายงานตัว
             
2.3 กรณีชาวบ้านดอยผีลู ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 4 ครอบครัว ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและ อส. อ.ปาย ยัดยาบ้า เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2546 ซึ่งปัจจุบันถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำ จ.แม่ฮ่องสอน
             
2.4 กรณีชาวบ้านดอยผีลู ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองยึดทรัพย์สินและเงินสด จำนวนเงิน กว่า 370,000 บาท ข้อหาสงสัยว่าพกเงินมากผิดปกติและอาจจะได้เงินมาโดยไม่ชอบ
             
2.5 กรณีการค้นชาวบ้านทั้งหมู่บ้านและจับกุม ในข้อหามีอาวุธปืนแก๊ป มีแร้วดักสัตว์ ไว้ในครอบครองผิดกฎหมายที่หมู่บ้าน ปางมะหัน ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

2.6 กรณีการจัดทำบัญชีดำของเจ้าหน้าที่รัฐ ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งผลกระทบทำให้กลุ่มชนเผ่าและชาติพันธุ์จำนวนมากกลายเป็นผู้ค้ายาเสพติด หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การจัดทำบัญชีดำดังกล่าว สร้างความไม่ไว้วางใจ สร้างความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆในชุมชน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชุมชนและประเทศชาติ


^
^
เหยื่อการฆ่าตัดตอนจากนโยบายทักษิณ

นโยบายการประกาศสงครามยาเสพติดและการให้อำนาจพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองในการปราบปรามให้สามารถดำเนินการนอกเหนือกฎหมายกำหนด จนส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชายขอบอย่างมากมาย ซึ่งเป็นการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน การละเมิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2540 และเป็นการละเมิดต่อสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ สมัชชาชนเผ่าแห่งประเทศไทยในนามสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และเครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือได้ยื่นข้อเสนอและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล คือ
   
1. จับกุมผู้ต้องหาฆ่าตัดตอนนำมาขึ้นศาล เพื่อพิจารณาคดีความลงโทษอย่างเฉียบขาด (ณ ขณะนี้คือ  คตน ถ้าไม่ผิดนายธาริตเป็นประธาน)
             
2. ยกเลิกการจัดทำบัญชีดำของเจ้าหน้าที่รัฐ และหามาตรการคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ (บรรจุแล้วใน รธน 50 )
ซึ่งบัดนี้ก็ยังไม่มีผลการดำเนินการใดๆ เช่นเคย

  นี่ล่ะค่ะ ฮีโร่ปราบยาเสพติดที่เสื้อแดงเขารักปานจะกลืนกิน  ชื่นชมเหลือเกิน  อยากให้กลับมานักหนา    อ้อ  นอกจากจะปราบยาเสพติดเก่งโคตรๆแล้ว  ท้ากษิณยังช่วยเกษตรกรเก่งจนปรากฏภาพแบบนี้ค่ะ


พวกเขามาทำอะไรกันเอ่ยยยย  ??? q*013 q*013 q*013 q*020

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ดูแลผิวหน้าหนาวอย่างไรให้ใสกิ๊ก โบกมือลาผิวเสียไปได้เล้ย...

วนๆเวียนๆอยู่กับเรื่องการเมืองมานาน   หันมาเอาใจสาวๆมั่งดีกว่า  หน้าหนาวกันแล้วนี่เนอะ  ต้องรีบหาวิธีดูแลผิวหน้าหนาวกันได้แล้วล่ะ  เพื่อที่คุณสาว ๆจะได้โบกมือลาผิวเสียที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ได้อย่างมั่นใจซะที 
ใครที่มีปัญหา   ถึงหน้าหนาวทีไรผิวก็มักจะแห้งกร้าน  ลอกเป็นขุย แถมบางครั้งยังแห้งแตกจนรู้สึกคันและแสบผิวกันเลยทีเดียว แต่ด้วย วิธีดูแลผิวหน้าหนาวนี้   จะทำให้สาวๆบอกลาผิวเสียพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย  มาลองดูกันนะคะ




ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับสาเหตุของอาการผิวป่วยหน้าหนาวกันก่อนนะคะ


1. ผิวแห้งและเหี่ยว อาการแรกเริ่มของผิวในหน้าหนาวเกิดจากผิวขาดความชุ่มชื้น เพราะอากาศสัมพัทธ์หรือความชื้นรอบตัวน้อย ทำให้ร่างกายเสียน้ำมากกว่าปกติ จึงแห้งและเกิดริ้วรอย บริเวณที่ผิวแห้งเป็นประจำคือ หน้าแข้ง หลังมือ แขน

2. ผิวแตก เป็นผลต่อเนื่องจากผิวแห้งที่ขาดการดูแลรักษาทำให้ผิวหนังชั้นบนหดตัวและแห้งแตกเป็นร่อง เช่น ริมฝีปาก ส้นเท้า เป็นต้น

3. คันและอักเสบที่ผิว เมื่อผิวแห้งมักเกิดอาการคันทำให้ต้องเกายิ่งเกาก็ยิ่งคันมากขึ้น อาจทำให้เป็นแผลและอาการอักเสบภายหลัง

4. ผิวแพ้ง่าย ผิวที่แห้งจะไวต่อการระคายเคืองและแพ้ง่ายเพราะโดยธรรมชาติผิวต้องปิดสนิทและมีน้ำมันเคลือบผิวอยู่อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่า Natural barrier หรือเกาะป้องกันผิว เมื่อผิวสูญเสียความชุ่มชื้นไปผิวจะเผยอหรือเป็นขุยทำให้เชื้อโรคจากฝุ่นละออง หรือส่วนผสมต่าง ๆ ในครีมบำรุงซึมเข้าสู่ผิวเร็วขึ้น จึงเกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้ง่าย

5. โรคเซ็บเดิม จัดอยู่ในประเภทเดียวกับโรคภูมิแพ้ตระกูลหอบหืด แต่มีสาเหตุมาจากเชื้อยีสต์บริเวณผิวเจริญเติบโตมากผิดปกติ จนเกิดเป็นผื่น บวมแดง คัน ลอกเป็นขุยจากร่องจมูก หัวคิ้ว หนังศีรษะ หรือลุกลามไปทั้วทั้งตัวได้ พบมากและกำเริบในช่วงหน้าหนาวเนื่องจากอากาศแห้งเป็นตัวกระตุ้นมักเกิดกับคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีประวัติของคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะทารกและผู้สูงอายุ การรักษาคือ กินยาลดการอักเสบจำพวกเสตรียลอยด์และย่าฆ่าเชื้อยีสต์ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นและไม่ใช้สบู่หรือครีมใด ๆ



เอาล่ะ  เมื่อทราบสาเหตุแล้วเราก็มาสร้างปราการปกป้องผิวกัน 


เริ่มด้วยการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ใช้ได้ผลดีในหน้าร้อนแต่อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ในหน้าหนาวควรเลือกครีมเนื้อเข้มข้นชนิด Water in oil เพราะมีน้ำมันช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้นานขึ้น ใครที่ผิวแห้งมากลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยลดการสูญเสียน้ำ อาทิ Vaseline, Petrolatum, Lanolin, Ceramide และมีส่วนผสมของ AHAs, Salicylic acid, Lactic aicd และมอยเจอร์ไรเซอร์สูงเพื่อช่วยลดการตึงตัวของผิวหนัง


ใช้ครีมกันแดดหน้าหนาวมีช่วงเวลาที่แดดออกค่อนข้างสั้น แต่ในแดดนั้นจะมีรังสีอัลตราไวโอเลตอยู่มากจึงต้องเลือกครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 25 ขึ้นไปเพื่อกันรังสี UV ชนิด B ซึ่งทำให้ผิวไหม้เกรียม และเลือก PA (Protection Grade of UVA) ตั้งแต่ 3 บวก (PA+++) ขึ้นไปเพื่อป้องกันรังสี UV ชนิด A ซึ่งเป็นสาเหตุของความหมองคล้ำ

ล้างหน้าให้ถูกวิธีโดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดที่มีฟองน้อยไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ใช้น้ำลูบใบหน้าให้เปียกก่อนแล้วจึงบีบครีมล้างหน้าใส่มือเพื่อให้ครีมเจือจางลง ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหน้าแห้งและระคายเคืองได้

พยายามไม่อาบน้ำอุ่นเพราะเป็นการเร่งให้ผิวแห้งมากขึ้นและควรหลีกเลี่ยงการอบซาวน่าหรือขัดผิวเพราะผิวกำลังอ่อนแอ


เลือกกินให้สวยท้าลมหนาว

ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เพราะอากาศหนาวทำให้เราปัสสาวะบ่อยร่างกายสูญเสียน้ำผิวจึงแห้งง่าย

รับประทานผักผลไม้มาก ๆ ช่วงหน้าหนาวแนะนำให้กินผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น พริกขี้หนู พริกหวาน ส้ม มะขาม ฝรั่ง เพราะนอกจากบำรุงผิวยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานป้องกันหวัดได้อีกด้วย

เด็กทารก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส ซุป น้ำสลัดน้ำข้น โยเกิร์ต เพราะการที่กระเพาะย่อยน้ำตาลในนมไม่ได้ร่างกายจึงต้องไปดึงเชื้อยีสต์ในลำไส้มาช่วยย่อยน้ำตาลทำให้เชื้อยีสต์มีจำนวนมากขึ้น (Over Growth) เมื่อถูกกระตุ้นด้วยอากาศแห้งในหน้าหนาวจะทำให้เกิดโรคเซ็บเดิมและปวดไขข้อได้

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา จะทำให้ปัสสาวะบ่อยเนื่องจากคาเฟอีนมีส่วนในการขับปัสสาวะ แนะนำให้เลี่ยงมาดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรหรือชาผลไม้ที่ไม่มีส่วนผสมของคาเฟ อีนแทน


ทำมาส์กใช้เองสูตรถนอมหน้ารับลมหนาวแบบง่ายๆกันเถอะ


สำหรับสาว ๆ ที่ชอบทำมาสก์เองด้วยผลิตผลจากธรรมชาติ หน้าหนาวอย่างนี้แนะนำให้ใช้นมสด 1/2 ช้อนชาและน้ำผึ้งแท้ 1/2 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 8-10 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด นมสดจะช่วยให้หน้าเนียนนุ่มไม่แห้งส่วนน้ำผึ้งรักษาความชุ่มชื้นและลดการระคายเคืองได้ดี




****สำหรับสาวๆ การดูแลผิวในช่วงฤดูหนาวนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก จะต้องดูแลผิวหนังให้มีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา และถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นบ่อยๆ เพราะการอาบน้ำอุ่นจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น และหลังจากอาบน้ำควรทาโลชั่นให้ชุ่มชื้นทุกครั้ง เนื่องจากหลังอาบน้ำใหม่ๆ น้ำยังระเหยไปไม่หมด โลชั่นจะอุ้มน้ำได้ดีค่ะ 

ขอบคุณข้อมูลจาก Health&Cuisine ภาพจากอินเตอร์เน็ต

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แปลกแต่จริงในสังคมคนเสื้อแดง


ได้เห็นการออกมารวมตัวกันอีกครั้งของคนเสื้อแดงแล้วคิดว่าหลายๆคนคงอึดอัดรำคาญใจอยู่ไม่น้อย  โดยเฉพาะกับข้ออ้างที่ว่า  ร่วมรำลึก 6 เดือน 91 ศพ เพราะคนที่ไม่ใช่เสื้อแดงต่างทราบกันดีว่า  ไม่ใช่คนเสื้อแดงทั้ง 91 ศพ  แต่วิธีการตีขลุม  ตีกินเอาแบบมั่วซั่วหน้าด้านแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก  และครั้งเดียวของคนพวกนี้  แม้จะมีหลักฐานให้เห็นกันจะจะก็ไม่ใช่ปัญหาของพวกเขา  ราวกับจะยอมรับอยู่ในทีว่า ก็คนมันจะด้านซะอย่างใครจะทำไม

รายชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากศูณย์เอราวัณ

อย่างไรก็ตามตรงนี้ก็ไม่ถือว่าเป็น  เป็นเรื่องแปลกแต่จริง ของคนเสื้อแดงหรอกต้องถือว่าเป็นนิสัย  หรือเรียกกันแบบชาวบ้านๆว่า  สันดาน ซะมากกว่า   ความแปลกมันอยู่ตรงที่  ความคิด และความเชื่อ ในลักษณะทวนกระแสโลกของพวกเขาต่างหาก

หากเราส่องเข้าไปในฝูงเสื้อแดงตั้งแต่ระดับแกนนำ แกนนอน  จนถึงแกนตามก็ใช่ว่าจะเจอแต่ชนชั้นรากหญ้าประเภทเรียนน้อย  ด้อยความรู้ไปซะทั้งหมด   แต่เราจะพบถึงความหลากหลายของกลุ่มคนที่มารวมตัวกัน ว่ากันไปตั้งแต่นักศึกษา ครูบาอาจารย์ไปยันด็อกเตอร์ กันเลยทีเดียว

พวกเขามีความเชี่ยวชาญในหลากหลายอาชีพ  บางคนเป็นหมอ  บางคนเป็นนักฏหมายมีต้นทุนสังคมสูงไม่เลว   แต่พวกเขาก็เลือกจะเป็นเสื้อแดงได้อย่างเหลือเชื่อที่สุด

มันเป็นไปได้ยังไงที่คนพวกนี้ออกมาร่วมเรียกร้องประชาธิไตย   ทั้งที่ใช้ประชาธิปไตยกันจนล้นคอหอย  แต่ที่ฮาไปกว่านั้นก็คือ   พวกเขาชูว่า ทักษิณ  เป็นนักประชาธิปไตย



นี่คือโฉมหน้านักประชาธิปไตยฉบับ  ประเทศอังกฤษยกเลิกวีซ่า  และเหยียบแผ่นดินอเมริกาไม่ได้ ที่คนเสื้อแดงเขาภูมิใจนำเสนอ

พวกเขากล่าวประณามรัฐบาลว่าฆ่าประชาชน   ฆ่าคนเสื้อแดง  แต่ไม่เคยตอบคำถามของสังคมโลกว่าคนพวกนี้มันเป็นใคร   มารวมอยู่ปะปนกับคนเสื้อแดงได้ยังไง








พวกเขายกย่อง เชิดชูว่าทักษิณ เก่ง ดี ทั้งที่ถูกศาลตัดสินจำคุก  และเพิ่งได้ตำแหน่ง 1ใน5 อดีตผู้นำโคตรเลวของโลก  มาหมาดๆ




การล่มสลายของรัสเซีย  และการปรับตัวขนานใหญ่ของจีนเป็นตัวอย่างของการล้มเหลวของระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์อย่างชัดเจน   แต่พวกเขากลับกระหายอยากที่จะนำพาชาติประชาธิปไตยที่สงบร่มเย็นภายใต้พระบรมโพธิสมภารมาอย่างช้านานเดินตามรอยความล้มเหลวของ 2 ยักษ์ใหญ่ราวกับคนตาบอด  และโง่เขลา






พวกเขาทั้งหมดอยู่ในโลกเดียวกับเรา  โลกของยุค การสื่อสารไร้พรมแดน  เป็นโลกของเทคโนโลยีอย่างแท้จริง    เราท่องโลกกว้าง  ค้นหาข้อมูลข่าวสารผ่านอินเตอร์เนต   บางคนเรียนรู้  และใช้ภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่วมากกว่า 1 ภาษา  แต่ให้ตายเถอะ  พวกเขายังคงเป็นเสื้อแดง 

พวกเขาพล่ามพูดแต่สิ่งที่แกนนำ และทักษิณพูด  ทั้งที่พวกเขามีทั้งความรู้  และโอกาสอย่างเหลือเฟือ  นั่งจมจ่อมอยู่ในแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่เท่าโลกทั้งใบ



ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้คือ  เสื้อแดง  มนุษย์พันธุ์พิเศษที่ทำได้ทุกสิ่ง  พูดได้ทุกอย่างที่พวกเขาคิด และเชื่อ   ไม่ว่ามันจะมีเหตุผล ตั้งอยู่บนหลักความจริงหรือไม่ก็ตาม  คุณว่าพวกเขาแปลก  บ้า หรือว่าโง่กันแน่  ????

^^มหากาพย์ คน(แกล้ง)โง่ หลอกคนโง่ๆเป็นบันไดสู่อำนาจ !!!^^



ข่าวทักษิณโฟนอินบอกลูกพรรคบ้าง  กับคนเสื้อแดงบ้างให้หันหน้าสู่ความปรองดองแล้วบอกตรงๆเลยว่า  มีแต่ความฮาปนๆมากับความรู้สึกสมเพชบอกไม่ถูก

ใครจะซาบซึ้งกินใจกับหมอนี่ก็ตามใจเถอะ   แต่โดยส่วนตัวแล้วเห็นแต่ว่า  ทักษิณแกล้งโง่  และหน้าด้านหน้าทนเหลือเกินที่กล้าออกมาตีกินกับกระแสความปรองดองที่เขาพยายามกันมาหลายเดือน  เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังถูกยี้ส์สุดขีด   เรตติ้งตกเหวจนสู้แม้แต่เด็ก AF กับข่าว 3G ของรัฐบาลยังไม่ได้


กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

 http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3254537


ด้วยกระแสยี้ส์ที่เพิ่มมากขึ้นของคนไทย  บวกด้วยแรงเบียดของเฒ่าทารกจอมอำมหิตที่แทรกเข้าแฝงตัวในพรรคเพื่อไทย  แล้วกระทำการเทกโอเวอร์พรรคเป็นของตัวเองโดยละมุนละม่อมดังปรากฏการณ์ที่ทักษิณพยายามจะเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค  แต่ถูกแรงต้านมหาศาลของเฒ่าขงเบ้งมหาโหดฟาดกลับหน้าหงาย   ต้องกลืนเลือดตัวเองเรียกนายยงยุทธกลับมาใช้งานตำแหน่งเดิมจนเป็นที่ขบขันของคอการเมือง  ทำให้ทักษิณต้องวอนหาปรองดอง  ยื่นหน้าด้านๆทำเป็นแกล้งโง่  พูดให้ตัวเองดูดี   ด้วยหวังความเห็นใจจากคนไทย

ปรากฏการณ์แกล้งโง่ของทักษิณ  กับลิ่วล้อที่หลอกคนโง่ๆนี่ไม่ใช่เพิ่งมีเป็นครั้งแรก  แต่กระบวนการนี้กินเวลายาวนานจนกลายเป็น มหากาพย์การหลอกลวงที่ยาวนานที่สุดบนพื้นพิภพเรานี้ก็ว่าได้   ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อเพราะในขณะที่ทักษิณ กับลิ่วล้อแกล้งโง่   กลับมีคนโง่ๆจำนวนมากยอมตกเป็นเครื่องมือของเขาอย่างเต็มใจ  เป็นการโง่ที่ยาวนาน   เป็นการถูกหลอกที่ซ้ำซากจำเจจนเรียกได้ว่า  มหากาพย์  มหาก๊าก ความโง่ครั้งยิ่งใหญ่มโหฬาร ที่ใครก็คงคิดไม่ถึง

คำพูดกินใจที่ว่า ความไม่รู้ไม่ได้แปลว่า โง่ ใช้ไม่ได้กับกรณีนี้  เพราะมันเกินเวลาที่อ้างว่า  ไม่รู้ มานานมากๆ  ที่เห็นๆกันอยู่จึงมีแต่ความ 
โง่ ล้วนๆ  โง่ที่รัก และปกป้องนักโทษหนีคดีอยู่ได้โง่ที่เผาบ้านเผาเมืองหาประชาธิปไตยทั้งๆใช้ประชาธิปไตยกันจนล้นคอหอย แต่ดันไม่รู้จักโง่ที่ยอมตัวเป็นเครื่องมือให้นักโทษเหยียบศพขึ้นสู่อำนาจ

ทักษิณ กับลิ่วล้อระดับแกนนำมีแต่ได้กับได้  บนความโง่เง่าไร้สติของแกนตามที่เขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำ  หากไม่มีแกนตามแสนโง่คอยให้ชี้นำ  ป่านนี้ทักษิณอาจติดคุก  และออกมาทำธุรกิจผูกขาดของเขาต่อไป   วีระ มุสิกพงศ์  คงเป็นแค่ตาแก่ดำอัปลักษณ์เดินเข้าพรรคโน้นออกพรรคนี้ไปวันๆ   เต้น  ณัฐวุฒิ  ไสยเกื้อ  อาจเป็นแค่มนุษย์ลิงเก็บลูกมะพร้าวขายเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง   ขณะที่จตุพรดิ้นรนจัดกิจกรรมด้านการเมืองที่ไม่มีใครจะสนใจอยู่แถวๆบ้าน


พูดแบบนี้อาจเห็นภาพไม่ชัด   งั้นลองนึกดูว่า  หากล้มรัฐบาลสำเร็จ  บรรดาคนเหล่านี้จะได้อะไรอาจจะง่ายกว่า   เริ่มจากจากหัวขบวนอย่างทักษิณที่จะได้ก็น่าจะเป็น  ไม่ต้องเข้าคุก  ได้ทรัพย์สินคืน  กลับมาเสวยสุขต่อ  อาจจะกลับเข้าสู่วงการเมืองเป็นนายกฯกอบโกยผลประโยชน์อย่างเมามันอีกครั้ง3  ขุนศึกอย่างน้อยๆก็ต้องระดับรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ  ว่ากันไปตั้งแต่ มหาดไทย กลาโหม  คมนาคม  นั่งกินกันล้นคอหอยไปยันลูกยันหลานแกนตามระดับเสียเลือดเสียเนื้อที่ยอมตัวเป็นโล่  ยอมเจ็บ ยอมตาย  คิดกันบ้างไหมว่า  นอกจากเสียกับเสีย  เสียค่าโง่ด้วยเลือดด้วยเนื้อ  ทุกคนจะได้อะไรกับความมหาโง่ครั้งที่ยาวนานที่สุดครั้งนี้ ????